The Twilight Saga Eclipse Original Motion Picture Soundtrack (Deluxe Edition) อัลบั้มนี้ของ "เราสองสามคน"

หลังพาเราผจญรักหวานแหววสไตล์หนุ่มสาว และรักแตกสลายบาดใจเจียนจะตาย ในภาคที่ 3 ของมหากาฬรักข้ามเผ่าพันธุ์ twilight จะนำพาเราเข้าสู่ รักสามเศร้า สไตล์เราสองสามคน นำทีมโดยอิหนูเบลล่า แวมไพร์หน้าขาวเอ็ดเวิร์ด และหมาปุย เจคอป โดย 2 หนุ่มต้องมากัดกันเพื่อแย่งหวานใจผู้หลายใจและชอบของแปลก จนแทบจะเกิดสงครามระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์ แต่ก็โชคดีที่มันไม่เกิดขึ้น เพราะอิหนูเบลล่าเคยไปฝากรอยชํ้าที่ยังดำเขียวไม่เคยจางแกสาวผมแดงแรงฤทธิ์ วิคตอเรีย จนคุณเธอต้องยกพวกแวมไพร์เนื้อสดบุกมาถึงถิ่น แต่ด้วยพิษสงร้อยเล่มเกวียนของเบลล่าจึงหลอกหล่อ 2 หนุ่มยกพวกมาจับมือถือหาง ซัดกับศัตรูหน้าไปโดยปริยาย…โดยที่เธอเพียงแต่สบสายตาไปมา…!

คราวก่อน New Moon พาเราๆไปลุยโลกแห่งความเป็น Indy ถึงกึ๋นแล้ว ในคราวนี้ Eclipse ขอยกระดับให้สากลขึ้นมาหน่อยกับเพลงระดับ Rock Pop ติดดินฟังง่ายๆ พาลชิลกันตามๆ แต่ก็ยังคงสไตล์ Indy และ Electronic จ๋าๆซึ่งก็ขาดไม่ได้ จาก ศิลปิน ทั้งดังและไม่ดัง ปะปนผสมไปอย่างกลมกลื่น…

เปิดอัลบั้มด้วย Eclipse (All Yours) เพลงฟังสบายๆ จากวง Metric ที่มีนักร้องเสียงใส Emily Haines ร้องฮัมคู่ไปกับกีต้าไหลลื่น ถือเป็นการเปิดอัลบั้มที่ฉลาดและสดใสกว่าภาคที่แล้วพอสมควร ทั้งนี้ดูจะเป็นการเปลี่ยนโทนให้ดูเบาลงมาหน่อยหลังจากเคยเข้มสุดสตรีมด้วยวง Paramore

ดูเหมือนจะเป็นวงของหนัง twilight ไปเสียแล้วสำหรับ Muse วงร็อคที่เปี่ยมด้วยสไตล์อันโดดเด่นคราวนี้มาพร้อมกับเพลงใหม่เอี่ยมที่ไม่มีในอัลบั้มไหน Neutron Star Collision (Love is Forever) ที่ฟังง่ายกว่าหลายเพลงของวงที่เคยปล่อยออกมา ด้วยเนื้อร้องท่อนฮุคที่แสนจะเข้ากับหนัง “อยู่ก็อยู่ด้วยกันตลอดการ – ตายก็ตายด้วยกัน” ถ้าไม่นับการกีต้ากลิ่นอายอเมริกันนิดๆ โซโลเปียโนก็เหมือนจะเป็นตัวเอกที่สำคัญไม่แพ้เสียงร้อง!

แม้ 2 เพลงก่อนหน้าจะเพราะจริงๆแต่เพลง Ours จาก The Bravery ดูจะเป็นเพลงแรกที่มีบีทพอจะกระตุ้นให้ลุกขึ้นมาเต้น ไปพร้อมกับเนื้อร้องที่จะพาลคุณร้องตามไปอย่างง่ายดาย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวงที่มีเสียงนักร้องอันโดดเด่น คือนอกจากจะสูงตันแล้วยังคล้ายกับคนร้องผ่านเครื่องขยายเสียง(มีเอคโค)ยังไงอย่างั้น!

My Love เปิดมาให้ชวนคิดว่าเป็นเพลงบรรเลงเปียโนเพียวๆกว่า 1 นาที ก่อนที่โผล่เสียงร้องเล็กๆ แต่ทรงพลังของ Sia ที่มีความประณีตทั้งดนตรีที่ค่อยมีความเข้มเรื่อยๆจากการเพิ่มไวโอลินมาทีละนิดๆ ก่อนจะพีคไปพร้อมกันทั้งหมด

หนักกันไปแล้ว ก็มาชิลกันหน่อยกับ Fanfarlo ในเพลงโฟล์คฟังสบาย Atlas ซึ่งก่อนหน้านี้เพลงเป็นเวอร์ชั่น Acoustic แต่ถูกปรับแต่งเพิ่มความชื่นมื่นด้วยกีต้าน่ารักๆ กับจังหวะเฮฮาของกลองอันสนุกสนาน และเดี่ยวช่วงท้ายเราจะมาฟังเพลงนี้อีกในเวอร์ชั่น Remix

Chop and Change ทำนองเพลงจาก The Black Keys นี้เท่เหลือเกินโดยเฉพาะโซโลกีต้าที่ได้กลิ่นอาย Jazz คลุกด้วยร็อคเข้มๆ และถ้าจำไม่ผิดนี่เป็นเพลงเปิดตัวของหมาป่าเจคอป(มั้ง) ไม่รู้ล่ะทำนองทั้งหมดชวนให้คิดถึงพี่แกเสียเหลือเกิน แต่ก็น่าเสียดายที่เพลงช่างสั้นเสียเหลือเกิน…!

The Dead Weather วงดิบๆนี้ได้มามีส่วนในอัลบั้มนี้ด้วย “เส้น” ไม่ใช่เส้นของวงเองแต่ด้วยตัว ผกก David Slade คือแฟน #1 ของวงนั้นเอง เพลงที่พี่แกนำมาเสนอคือ Rolling In On A Burning Tire ดนตรีกร่างค่อนข้างธรรมดาแต่จุดเด่นทั้งหมดอยู่ที่นักร้องที่พาอารมณ์มากันเองด้วยความสามารถเฉพาะตัว ฟังไปแล้วก็หายสงสัยว่าทำไมผลงานก่อนหน้าของ Slade ทั้งนิ่งและดิบ มันมาจากเพลงที่ป๋าแกฟังนั้นเอง ฮึๆ

Jonathan Low คืออีกหนึ่งเพลงฟังง่ายชวนติดจากวงที่ชื่อช่างเหมาะกับหนังเหลือเกินคือ Vampire Weekend จังหวะฟังสนุก รักร้องเสียงแปลกๆ แต่มันช่างกล่มกลืนอย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อเพลงจบคุณอาจจะอยากจะเปิดเพลงนี้ฟังอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง!

UNKLE มาในธีมหม่นกับ With You In My Head เพลงบีทแสนเร็วร้องกันรัวๆ กับเรื้องร้องงงๆ ไม่แปลกที่คุณอาจจะรุ้สึกมันๆนิดๆ ถึง ปานกลาง เพราะนี้คือเพลงที่ผมคิดว่าน่าจดจำน้อยที่สุดในอัลบั้มก็ว่าได้ แม้มันจะถูกใช้อย่างโดดเด่นในหนังแต่เมื่อมาฟังเพลงเพียวๆ มันไม่เวิร์คเสียเลย

Life On Earth คือหนึ่งในเพลงฟังสบายๆของ Band of Horses ที่มีเสียงร้องอันหนาวแหวว และดนตรีที่สวยงาม รวมเป็นเพลงเพราะๆ ชวนให้หลับตาและนึกถึงป่าเขาแสนรมณ์รื่น ช่วงฮัมลาลาลา นั้นก็เหมือนสายลมที่โชยไปมา แต่ก็ระวังให้ดีคุณอาจจะสบายเกินไปจนเผลอหลับ…แฮะๆ

และเราก็มาถึงเซอไพรซ์สุดๆของอัลบั้มกับรุ่นเก๋า Cee Lo Green ในเพลงที่สบัดอารมณ์ค้างคา จากเพลงก่อนหน้าไปหมดเกลี้ยง What Part of Forever มีเนื้อร้องที่แสนลั๊ลลา กับบีทเพลงชื่นมื่นอย่างไม่น่าเชื่อ มันอาจไม่ทำให้คุณโย้กย้ายอย่างแรง แต่อย่างน้อยก็ชวนลุกขึ้นมาสบัดร่างกายส่ายไปมา กับเพลงที่ถือว่าเป้นส่วนที่ดีที่สุดส่วนนึงของอัลบั้มก็ว่าได้

เช่นเคยอย่าง 2 ภาคที่แล้วต้องมีสกอร์ 1 เพลงเพราะมายั่วนํ้าลายกันซักนิด แน่นอนมันยังคงเป็นโซโลเปียโนชวนหลงไหลโดยคราวนี้เป็นผลงานของ Howard Shore กับ Jacob’s Theme คีย์ที่สละสลวยนุ่มลึก แต่แอบความเศร้าไว้เล็กน้อยดั่งคาแร็คเตอร์ของตัวละครที่ดูเป็น รองเสมอมา…

ถ้าเป็นทั่วไปอัลบั้มนี้จบแล้วแต่ขอโทษทีนี่คือ Deluxe Edition ยังมีเพลงแถมอีก 4 เพลง…ประกอบด้วย The Line เพลงชวนให้นึกถึงอารมร์หลงยุคแปลกๆจาก Battles เพลง How Can You Swallow So Much เปิดตัวโหยหวนฟีลแขกๆจาก Bombay Bicycle Club แต่จริงๆมันก็ฮิพด้วยบีทสนุกๆหลังเปิดตัวไปอย่างว่า และอย่างที่สัญญากันไว้สำหรับ Atlas ฉบับ Remix เวอร์ชั่นนี้เพิ่มกลองมือเข้ามาแม้จะเนื้อร้องแต่อารมณ์เปลี่ยนไปเป้นแขกๆ(อีกแล้ว?) ปิดท้ายด้วย What Part Of Forever ฉบับ Remix ที่เปลี่ยนจากชิลๆเป็น Club Dance

เช่นเคยอัลบั้มรวมเพลงจากหนัง twilight ยังคงมากด้วยคุณภาพจากคนฟังเพลงที่คัดกันมาอย่างดี นี่คืออัลบั้มที่ต้องเรียกได้ว่าอิ่มสุดๆหลังฟังจบแม้เพลงจะไม่ได้หนักอะไรมาก หรือฟังสนุกเสียด้วยซํ้าแต่ดูเหมือนพลังสะสม อาจทำให้คุณอยากนั่งหรือนอนพักเฉยๆซักนิด ไม่ว่าคุณจะชอบหนังหรือไม่ผมก็ขอแนะนำว่าลองฟังกันดูคร้าบ

รายชื่อเพลง

1. Metric – Eclipse (All Yours)
2. Muse – Neutrow Star Collision (Love Is Forever)
3. The Bravery – Ours
4. Florence + The Machine – Heavy In Your Arms
5. Sia – My Love
6. Fanfarlo – Atlas
7. The Black Keys – Chop and Change
8. The Dead Weather – Rolling In On A Burning Tire
9. Beck and Bat For Lashes- Let’s Get Lost
10. Vampire Weekend – Jonathan Low
11. UNKLE – With You In My Head (Feat. The Black Angels)
12. Eastern Conference Champions – A Million Miles An Hour
13. Band of Horses – Life On Earth
14. Cee Lo Green – What Part of Forever
15. Howard Shore – Jacob’s Theme
16. Battles – The Line
17. Bombay Bicycle Club – How Can You Swallow So Much Sleep
18. Fanfarlo – Atlas Remix
19. Cee Lo Green – What Part of Forever (Remix)

DOWNLOAD

Part 1 Track 1-11 File Size 61.41 mb Host MediaFire

Part 2 Track 12-19 File Size 49.32 mb Host MediaFire