Twilight Original Motion Picture Soundtrack (Deluxe Edition)

ถ้าให้พูดถึงแวมไพร์ในอคติของใครหลายคน คงจะนึกถึงไอ้ผีหน้าขาวมีเขี้ยวชวนสยองและนอนอยุ่ในโลงที่อ้อมล้อมไปด้วยคูนํ้าซอมซ่อ ความคิดเหล่านี้ถูกทำลายลงหลังการมาของ twilight ภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายขายดีขวัญใจสาวๆที่ว่าด้วยความรักข้ามสายพันธุ์ระหว่างคนกับแวมไพร์ในมุมมองใหม่ ที่แนวเกินเรื่องไหนกับแวมไพร์หนุ่มสาวหน้าตาดี แต่งตัวหรูทันสมัย มีรถซิ่งสุดเฉียบและมีบ้านสุดหรูลบภาพแวมไพร์ซอมซ่อออกไปอย่างสิ้นเชิง และแน่นอนในเมื่อทันสมัยซะขนาดนี้เพลงประกอบของหนังก็เจ๋งไปแพ้กันมาดูสิว่าอัลบั้มนี้มีอะไรเด็ด…

เปิดอัลบั้มด้วย Supermassive Black Hole จากวงร็อคเกาะอังกฤษ Muse ดนตรัทำนองเท่ๆสร้างอารมณ์กราดเกรี้ยวในมุมมองเท่ๆ แต่ยังอารมณ์ความหลอนด้วยเสียงร้องโหยหวนที่ลอยมาเป็นระยะคือการโชว์ไลฟ์สไตล์ของเหล่าแวมไพร์ที่นอกจากจะลึกลับแล้วยังเปี่ยมด้วยความผาดโผน อารมณ์เหล่านี้ยังคงถูกสานต่อและแต่งแต้มให้มีสีสันเดิมโดย Paramore วงร็อคที่มีนักร้องนำหญิงแม้จะบอกว่าเป็นสตรี ดีกรีความเข้มในตัวเพลงก็ไม่เคยแพ้ฝ่ายชายโดยเฉพาะในเพลง Decode และนอกจากนี้ยังมีเพลงเบาๆลงมาหน่อยด้วย I Caught Myself ที่แสดงอารมณ์เขินนิดๆแบบสาวเท่!!! แต่ถ้าจะลงดีกรีเบาลงมาเลย  Leave Out All The Rest ดูจะตอบโจทย์ส่วนดีนี้ได้ดีทั้งในด้านความเพราะ และซึ้งคุณภาพจากวงร็อคก้องโลก Linkin Park ไม่เคยทำให้ผิดหวัง

มาทางด้านอิเล็คทรอนิคชูโรงด้วยวง The Black Ghosts ที่มาพร้อมกับเพลงที่ผสมผสานดนตรีหลายอย่างมารวมกันอย่างลงตัวใน Full Moon เพลงซึ่งถูกใช้เปิดเรื่อง Spotlight (Twilight Mix) เพลงเวอร์ชั่นมิกซ์ใหม่จาก Mutemath อิเลคทรอนิครัวแหลกแต่เสียงกีต้าแนวดูจะเป็นตัวขโมยซีนสุดๆของเพลง ตรงข้ามกับ Go All The Way (Into The Twilight) ที่โชว์ความเป็นอเลคทรอนิคในผับอย่างเต็มตัวจาก Perry Farrell และยังถูกสานต่อด้วย Tremble For My Beloved จาก Collective Soul แม้จะมีความเป็นร็อคผสมมาอยู่ก็ตามแต่กลิ่นของอิเลคทรอนิคมันหึ่งเชียว

สุดท้ายมาทางด้านดนตรีโรแมนติคอารมณ์ที่ขาสดไม่ได้ในหนังรัก เสียงร้องแผวเบแสดงความเป็นผู้หญิงภายในเสียงกีต้าพลางๆ Eyes On Fire ดูเป็นอินโทรธีมนี้อย่างดีจาก Blue Foundation แต่ถ้าต้องการรักหวานแต่ชิล Never Think เพลงโชว์คอดกีต้าเพราะจากหนุ่ม Rob Pattinson ชวนซึ้งไม่ใช่น้อย แต่ก็ยังไม่เท่ากับ Flightless Bird, American Mouth คือตัวแทนของอารมณืรักหวานซึ้งที่ดีสุดของอัลบั้มเสียงร้องอันน่าหลงไหลดนตรีชวนเคลิ้มจาก Iron & Wine เหมาะกับตอนจบที่แสนสุขเสียจริงๆ ปิดท้ายด้วยสกอร์เพราะจาก Carter Burwell กับเพลง Bella’s Lullaby ที่เน้นโชว์โน๊ตเปียโนพริ้วชวนเคลิ้มกับดนตรีอันสวยงาม

ถ้าเป้นอัลบั้มทั่วไปเพลงก็คงจบลงเท่านี้ไปพร้อมกับเพลง 15 Step เพลงปิดเรื่องที่ไม่มีอยู่ในอัลบั้มของ RadioHead ที่แถมพิเศษจากผม แต่อัลบั้มนี้คือฉบับ Deluxe Edition มีเพลงใหม่เพิ่มมาถึง 5 เพลงโดยส่วนใหญ่จะเป็นเพลงฉบับ Remix เช่น Decode ที่มาในฉบับ Acoustic เปลี่ยนอารมณ์สุดเข้มให้กลายเป็นหวานไปเลย และหวานยิ่งกว่าด้วย Flightless Bird, American Mouth ฉบับร้องสดซึ่งการร้องผสานเสียงเสริมเข้ามาโรแมนติคสูงขึ้นเป็นกอง Spotlight ฉบับ Lux Remix รุนแรงหนักกว่าเดิมและดูสะใจมากขึ้น หรือจะเป็น Full Moon เวอร์ชั่น Appleblim & Komonazmuk Remix เปลี่ยนอารมณ์ให้ดูลึกลับและน่ากลัวมากจนเหมือนเป็นคนล่ะเพลงเลย สุดท้ายเพลงใหม่ที่ใหม่จริงแถมเพราะสุดๆกับ Love Is Worth The Fall จาก O.A.R. เสียงดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้นกับเสียงร้องอันทรงพลังสร้างความตราตรึงได้อย่างน่าแปลกใจ

นี่คือหนึ่งในอัลบั้มรวมเพลงประกอบเพราะอีกอัลบั้มจากปี 2008 และถูกปั้มขายใหม่ด้วยยอมถล่มทะลายในปี 2009 คงไม่ต้องโม้อะไรอีกแล้วว่าคุณจะฟังมันขนาดไหน!!

รายชื่อเพลง

1. Supermassive Black Hole – Muse
2. Decode – Paramore
3. Full Moon – The Black Ghosts
4. Leave Out All The Rest – Linkin Park
5. Spotlight (Twilight Mix) – MuteMath
6. Go All The Way (Into The Twilight) – Perry Farrell
7. Tremble For My Beloved – Collective Soul
8. I Caught Myself – Paramore
9. Eyes On Fire – Blue Foundation
10. Never Think – Rob Pattinson
11. Flightless Bird, American Mouth – Iron & Wine
12. Bella’s Lullaby – Carter Burwell
Deluxe Edition New Song
13. Love Is Worth The Fall – O.A.R.
14. Decode (Acoustic) – Paramore
15. Flightless Bird, American Mouth (Live) – Iron & Wine
16. Spotlight (Sun Lux Remix) – MuteMath
17. Full Moon (Applebum and Komonazmuk Remix) – The Black Ghosts
Bonus Track by Champ aCt DeltAS
18. 15 Step – Radiohead

DOWNLOAD

1 Part File Size 96.5 mb Host MediaFire

Twilight The Score Click Here